ชมบึงสีไฟ

ยามเย็นยามเยือนถิ่นชาละวัน (บึงสีไฟ จ.พิจิตร)

ความสุขอย่างหนึ่งในการท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ คือการได้เฝ้ามองวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น ซึ่งมักจะทำให้ผมอิจฉาลมหายใจอันเนิบช้านุ่มลึกของคนอยู่ไกลเมืองหลวงแทบทุกครั้ง

หรือบางทีชีวิตที่เรียบง่ายธรรมดาๆ คือชีวิตที่มีความสุขที่สุด?

.....

ยามแดดร่มลมตกบรรยากาศเงียบสงบของเมืองพิจิตรกลับคึกคักขึ้นมาถนัดตา เมื่อผู้คนต่างพากันหอบลูกจูงหลานมารวมตัวกันยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งผมเลือกใช้เป็นสถานที่ในการถ้ำมอง!

ฟังดูโรคจิตพิกล เอาเป็นว่าผมเลือกที่นี่เพื่อมาซึมซับบรรยากาศแห่งวิถีชีวิตยามเย็นของคนพิจิตรก็แล้วกัน

‘สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์พิจิตร’ หรือ สวนสาธารณะริม ‘บึงสีไฟ’ บึงน้ำสำคัญประจำเมือง ซึ่งใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวพิจิตร




พญาชาละวันสัญลักษณ์แห่งเมืองพิจิตร

พญาชาละวันตัวใหญ่เป้งที่มีความยาวถึง 38 เมตร สูง 5 เมตร อ้าปากต้อนรับผู้มาเยือนอย่างน่าเกรงขาม เรียกบรรยากาศเมืองแห่งต้นกำเนิดชาละวันได้เป็นอย่างดี ซึ่งใครจะรู้บ้างว่าภายในท้องพญาชาละวันตัวนี้มีห้องประชุมลับซ่อนอยู่


บรรยากาศยามเย็นริมบึงสีไฟ

ที่บึงสีไฟเป็นมากกว่าสวนสาธารณะ เพราะบนพื้นที่กว่า 170 ไร่ ไม่ได้มีแค่สวนหย่อมลานออกกำลังกายหรือศาลาริมน้ำขนาดใหญ่ แต่ยังมีสถานแสดงพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติที่ทำสะพานยื่นยาวออกไปตั้งอยู่กลางบึง อีกทั้งยังมีบ่อจระเข้ที่ใครอยากให้อาหารจระเข้ด้วยเนื้อสดๆ ที่นี่ก็มีบริการ และที่สำคัญบึงสีไฟยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองพิจิตร


สถานแสดงพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่กลางบึงสีไฟ


ภายในจัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดหลากหลายชนิด ตรงกลางอาคารทำเป็นช่องสำหรับให้อาหารปลา


บ่อจระเข้

วิถีชีวิตผู้คนยังคงเคลื่อนไหวผ่านสายตาของผมไปอย่างเพลิดเพลิน นี่หรือคือสัมผัสแห่งลมหายใจอันเนิบช้านุ่มลึกของชีวิตเรียบง่ายธรรมดาๆ ในเมืองเล็กๆ ที่ปราศจากความหวือหวาวุ่นวาย สิ่งเหล่านี้ก่อเกิดเป็นคำถามซ้ำเดิมขึ้นมาในหัวของผมอยู่เป็นระยะจวบจนอาทิตย์อัศดงค่อยๆ คล้อยต่ำลงสู่ขอบบึงสีไฟ

จริงหรือที่ชีวิตเรียบง่ายธรรมดา คือชีวิตที่มีความสุขที่สุด?


ทัศนียภาพอันงดงามของบึงสีไฟ